“กันต์ กันตถาวร” แถลงปมธุรกิจเครือข่าย “ดิไอคอน” เป็นแค่ผู้รับจ้างคนหนึ่ง

12 ตุลาคม 2024

“กันต์ กันตถาวร” แถลงปมธุรกิจเครือข่าย “ดิไอคอน” เป็นแค่ผู้รับจ้างคนหนึ่ง ลั่น! ขอยกเลิกสัญญากับบริษัทดิไอคอน พร้อมอยู่เคียงข้างความถูกต้อง

ตกเป็นประเด็นทางสังคมมาอย่างต่อเนื่อง กรณีธุรกิจขายตรงของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ที่บริหารโดย พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซึ่งมีเหล่าดาราคนดังเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น กันต์ กันตถาวร , มิน พีชญา และ แซม ยุรนันท์ ที่มีภาพเผยออกมาว่านั่งแท่นผู้บริหาร ดำเนินธุรกิจขายตรง สร้างดาวน์ไลน์ ขายฝันให้คนมาร่วมลงทุน สต๊อกของไว้มากมายแต่สุดท้ายขายไม่ออก จนมีผู้เสียหายหลายชีวิตเกิดความเดือดร้อนถึงชีวิตและทรัพย์สิน รวมตัวกันออกมาร้องเรียนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จากนั้นได้มีการทำหนังสือถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบว่าบริษัทแห่งนี้เข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่

ที่มา : วรัตน์พล วรัทย์วรกุล

โดยล่าสุดวันนี้ (12 ต.ค. 67) นักแสดง พิธีกร อย่างหนุ่ม กันต์ กันตถาวร หนึ่งในผู้รับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer) ตามรูปภาพที่ได้มีการเผยแพร่ออกมาตามสื่อโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์ม ได้ออกมาชี้แจงในกรณี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ว่า “วันนี้ขอแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่มีผู้เสียหายและความเสียหาย จากที่ทำงานให้กับบริษัทมานาน ไม่เคยได้รับข้อมูลแบบนี้มาก่อน วันนี้ผมมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ มาเพื่อบอกว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการลงทุน นโยบาย เป็นแค่ผู้รับจ้างประชาสัมพันธ์ให้กับผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่ายได้เอาไปใช้ และเชื่อมั่นว่าในการทำงานมีการตรวจเช็กมาอย่างดีแล้ว จดทะเบียนถูกต้อง สิ้นค้าก็ทำมาทดลองใช้ก่อน มีการการันตีคุณภาพของสินค้า รวมถึงการเป็นโฆษก ยืนยันว่าผมเป็นเพียงผู้รับจ้างคนหนึ่ง”

“วันนี้ผมไม่รู้เลยว่าอะไรคือความถูกต้อง ผมจึงได้ยุติอาชีพพิธีกรของผม จนกว่าทุกอย่างจะเคลียร์ และตอนนี้ผมได้ยกเลิกสัญญากับทางบริษัทดิไอคอนที่เซ็นสัญญากัน 5 ปี โดยสัญญานี้ผมเริ่มเซ็นเมื่อ ตุลาคมปี 64 ตอนนี้ทำมาได้ 3 ปี แล้ว หน้าที่ของผมคือการโปรโมทสินค้าทุกสินค้า ให้ทุกคนได้รู้จัก จากข้อมูลที่บริษัทส่งมาให้ตรวจสอบ ผมก็ได้เช็กแล้ว เห็นว่าเป็นบริษัทที่ดี จึงตัดสินใจร่วมงาน ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมก็ได้เช็กทุกอย่างเท่าที่คนหนึ่งจะตรวจสอบได้แล้ว และหลังจากนี้ก็จะรวบรวมข้อมูลเพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป”

“ส่วนเรื่องของการทำงาน เวลาทำงานสิ่งที่ผมพูดทุกอย่างมีสคริปต์ เราก็ทำตามหน้าที่ที่ได้รับ ส่วนประเด็นนำคำว่าพิธีกรอันดับหนึ่งมาใช้ในการโฆษณา ก็เป็นไปตามสคริปต์ซึ่งตรวจสอบแล้วว่าใช้ได้ไม่ได้ผิด ส่วนชื่อตำแหน่งเต็มจริงๆ ของตำแหน่งผมคือผู้บริหารสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยี เรียกง่ายๆ คือแบรนด์แอมบาสเดอร์ มีหน้าที่ทำสื่อภาพนิ่ง และเป็นโฆษก ไม่ใช่ผู้มีอำนาจ หุ้นส่วน ในการบริหารงาน ผมเพียงได้รับนโยบายมาปฏิบัติตามข้อสัญญา และได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน ตามข้อตกลงในสัญญา ไม่ใช่การแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการขายสินค้าใดๆ ผมเป็นผู้รับจ้างของบริษัท ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท ซึ่งรายละเอียดต้องไปชี้แจงในชั้นพนักงานสอบสวน ยืนยันจ่ายภาษีถูกต้องสามารถเช็คได้ตามหน่วยงานรัฐต่างๆ ได้”

“หลายข้อมูลหลายข่าวสาร ความเสียหายที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าผู้เสียหายควรได้รับการเยียวยา ผมขออยู่ข้างความถูกต้องเสมอ ซึ่งต้องบอกว่าในขณะที่ผมทำงานให้กับบริษัทนี้ ผมไม่เคยเห็นข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหมือนอย่างตอนนี้ ส่วนเรื่องของทางบริษัทให้ไปฟังทาง คุณพอล ว่าจะออกมาแถลงว่าอย่างไร”

“ประเด็นรถหรูที่ คุณพอล ซื้อให้นั้น ผมคิดว่าเป็นเพราะผมได้ทำงานให้บริษัทอย่างเต็มที่ จึงมีการตอบแทนกลับคืนมา ทั้งนี้สาเหตุทำไม คุณพอล ซื้อให้ผม ผมไม่ทราบ เรื่องรายได้ บ้าน นาฬิกา ผมทำงานในวงการมา 20 ปี เสียภาษีถูกต้อง ประเด็นเรื่องรายได้ขอไม่พูดถึงเพราะต้องไปชี้แจงในชั้นพนักงานสอบสวน ส่วนกระแสที่บอกว่าผมเคยบอกออกไปว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ผมหมายถึงผมได้ทำหน้าที่ทุกอย่างได้อย่างดีที่สุดแล้วตามข้อตกลง ซึ่งอาจเข้าข่ายผู้ให้การสนับสนุนไหมนั้น ต้องไปดูว่าที่พูดไปจริงหรือเท็จ และดูที่เจตนาประกอบ ซึ่งจะมีความผิดหรือไม่ผิดก็ต้องเข้าไปดูตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไป วันนี้ผมแค่ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจเพียงเท่านั้นครับ”